ปลายปี พ.ศ. 2553 หรือ ค.ศ. 2010 ว่ากันทางโหราศาสตร์มีหลายโหรระบุว่าเป็นช่วงที่ดวงเมืองไทยและดวงโลกไม่ค่อยดี อีกทั้งยังมี “ลาง” ต่าง ๆ สำทับหลายลาง อย่างเช่นกรณีวันที่ 10 เดือน ต.ค. อันเป็นเดือนลำดับที่ 10 ปี ค.ศ. 2010 หรือ “10/10/2010” หรืออย่างย่อ ๆ ก็ “10/10/10” ที่ดูแล้วน่าจะเป็นฤกษ์ดี แต่ก็มีโหรบ่งชี้ว่าลึก ๆ แล้วไม่ค่อยจะดี ซึ่ง “สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์” ก็ได้สะท้อนเรื่องนี้ไว้แล้วตั้งแต่วันที่ 6 ส.ค. ที่ผ่านมาและว่ากัน “ลาง” เร็ว ๆ นี้ก็กำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้ง
นั่นคือวันที่ “20/10/2010” วัน “ดาวหางใกล้โลก!!”
ทั้งนี้ จากข้อมูลทางดาราศาสตร์ที่ปรากฏเป็นข่าวไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ ในช่วงนี้กำลังมี “ดาวหาง” ที่ถูกมนุษย์ตั้งชื่อว่า “ฮาร์ตเลย์ 2” ล่องลอยโคจรมา “ใกล้โลก” ซึ่งดาวหางดวงนี้นับเป็นหนึ่งในดาวหางที่โคจรเข้ามาใกล้โลกที่สุดในรอบ 100 ปีที่ผ่านมา โดยดาวหางดวงนี้จะเข้าใกล้โลกด้วยระยะประมาณ 17.8 ล้านกิโลเมตร
ในยามค่ำคืน ผู้คนทั่วไปบนโลก รวมถึงในประเทศไทย สามารถจะสังเกตเห็นดาวหางฮาร์ตเลย์ 2 ซึ่งมีลักษณะแสงสีเขียวซีด ได้บนท้องฟ้าทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ โดยการมองผ่านกล้องโทรทรรศน์ขนาดเล็ก หรือกล้องส่องทางไกลสองตา หรืออาจจะด้วยตาเปล่าถ้าท้องฟ้ามืดสนิทเพียงพอ ทั้งนี้ ในวันที่ 4 พ.ย. ยานอวกาศ นาซาจะเข้าใกล้ดาวหางดวงนี้มากที่สุดที่ระยะประมาณ 700 กิโลเมตร ซึ่งจะถ่ายรูปแกนกลางดาวหางได้
และหลังดาวหางดวงนี้สามารถสังเกตจากโลกได้โดยอยู่ใกล้กระจุกดาวคู่ในกลุ่มดาวเพอร์เซอุส ในช่วงวันที่ 8-9 ต.ค. ที่ผ่านมา แล้วก็เคลื่อนที่เข้าไปอยู่ใกล้ดาวคาเพลลาในกลุ่มดาวสารถีในช่วงกลางเดือน ต.ค. พอถึงวันที่ “20 ต.ค.” นี้ ดาวหางฮาร์ตเลย์ 2 จะโคจรเข้า “ใกล้โลกมากที่สุด” นับแต่มีการบันทึกเมื่อปี พ.ศ. 2529
“20/10/2010” จึงถือเป็นอีกวันสำคัญทางดาราศาสตร์
ขณะที่เชิงโหราศาสตร์จะถือเป็น “ลาง” แบบหนึ่ง??
ว่ากันในทางโหราศาสตร์ เกี่ยวกับวัตถุบนท้องฟ้าที่มิใช่ดวงดาวปกติทั่วไป ก่อนหน้านี้ อ.ภิญโญ พงศ์เจริญ นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ เคยบอกผ่าน “สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์” ไว้ว่า...ในทางโหราศาสตร์นั้นดวงดาวเปรียบเสมือนคน มีวันเจริญรุ่งเรือง ก็มีวันตก อย่างกรณี “ดาวตก” ก็เป็นสัญญาณบ่งชี้
กรณีดาวตก ทางโหราศาสตร์ก็จะดูว่าเกิดขึ้นที่ไหน ทิศอะไร ตกถึงพื้นพิภพเวลาเท่าไหร่ ซึ่งหลักโหรจะบ่งบอกถึงคนที่มีอำนาจว่าให้ระวัง อาจถึงเวลาร่วงหล่นหรือสูญเสีย ซึ่งต้องดูลัคนาเวลาตกว่าอยู่ ตรงไหน ก็จะเตือนคนราศีนั้น ๆ อย่างเมื่อวันที่ 14 ก.ค. ปี พ.ศ. 2550 เวลาประมาณ 19.40 น. คนไทยทางแถบภาคกลางตอนบนและ แถบภาคเหนือได้สังเกตเห็นดาวตกเป็นลูกไฟแสงสีเขียว-น้ำเงิน ตอน นั้น อ.ภิญโญทายทักไว้ว่า...“อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ทางสังคม โดยเฉพาะผู้นำทางภาคเหนือจะหมดอำนาจ สูญเสีย”
ด้าน อ.เก่งกาจ จงใจพระ ก็เคยบอกไว้ว่า...กรณีดาวตก หรือ “ผีพุ่งไต้” ทางโหราศาสตร์ถือเป็น “ลางบอกเหตุไม่ดี” การจะพยากรณ์ก็จะดูวัน-เวลาที่ตก เหตุการณ์ขณะนั้น แล้วผูกเป็นดวงว่าอาจเกิดเหตุอะไร กับใคร พื้นที่ใด อย่างไรก็ตาม โดยภาพรวมถ้าเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ จะเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ ผู้นำในพื้นที่, เกิดวันจันทร์ เกี่ยวกับการเดินทาง การเงิน จะมีอุบัติเหตุ มีปัญหา, เกิดวันอังคาร เป็นเรื่องความขัดแย้ง ทะเลาะวิวาท, เกิดวันพุธ เกี่ยวกับข่าวสารต่าง ๆ ในทางที่ไม่ดี, เกิดวันพฤหัสบดี เกี่ยวกับครูอาจารย์ นักวิชาการ, เกิดวันศุกร์ เกี่ยวกับเรื่องความรัก โภคทรัพย์ เศรษฐกิจในพื้นที่, เกิดวันเสาร์ เกี่ยวกับอุตสาหกรรม โรงงาน หรือจะดูภาพรวมประเทศก็ได้ โดยใช้ดวงเมืองมาประกอบดูว่าเกิดที่พื้นที่ใด จะมีผลอะไร กับใคร เช่น รัฐบาล ผู้นำ ประชาชน
ดาวที่มิใช่ดาวปกติ...ในทางโหรชี้ว่าเป็นลางไม่ดี
และกับ “ดาวหาง” นั้น...ก็เข้าข่ายลางแบบนี้??
ทั้งนี้ กับกรณี “ดาวหางใกล้โลก” อ.เก่งกาจบอกผ่าน “สกู๊ป หน้า 1 เดลินิวส์” ว่า...ในทางโหราศาสตร์ถือว่า “ดาวหาง” เป็นดาวที่ไม่สามารถควบคุมได้ ทำให้เกิดการแปรปรวนได้มากมาย ดังนั้น ดาวหางในทางโหราศาสตร์จึงเป็นดาวที่ไม่ดี เป็น “ดาวร้าย” เป็นดาวที่อันตรายต่อภาพรวม ซึ่งเมื่อดาวหางเข้ามาใกล้โลกแล้วปรากฏให้ เห็นได้ในพื้นที่ประเทศใด ก็ เป็นลางว่าจะเกิดเรื่องไม่ดี จะมีเรื่อง ร้าย ๆ เกิดขึ้นในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสีย การเปลี่ยน แปลงด้านการเมือง เศรษฐกิจ จิตใจผู้คนแปรปรวน ต้องระมัด ระวังอุบัติเหตุต่าง ๆ ทั้งทางอากาศ ทางน้ำ ทางบก รวมถึงอันตราย จากภัยธรรมชาติต่าง ๆ
“ผลร้ายที่อาจจะเกิดนั้น ในช่วง 1 เดือนก่อนและหลังดาวหางปรากฏให้เห็น ถือเป็นช่วงที่แรงที่สุด แต่ลางร้าย ๆ จะผ่านพ้น จริง ๆ ก็หลังจากนั้นประมาณ 3 เดือนไปแล้ว เพราะฉะนั้นในช่วง นี้จึงไม่ควรประมาทกัน ควรระมัดระวังในการใช้ชีวิตให้มากขึ้น”... อ.เก่งกาจระบุ พร้อมเตือนทิ้งท้าย
กับกรณี “ดาวหางใกล้โลก” ในวันที่ “20/10/2010”
อีกหนึ่ง “ลางไม่ดี” ที่เกิดในช่วงปลายปีนี้?!?!?.
ที่มา dailynews
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น