คำพยากรณ์ 'นอสตราดามุส'

ปี ค.ศ.1555 ณ มุมหนึ่งของกรุงปารีส นอสตราดามุสเริ่มต้นเขียนเรื่องราวประหลาดซึ่งราวกับเป็นการทำนายทายทักอนาคตที่จะเกิดขึ้น คำทำนายนั้นมีทั้งเรื่องราวของหายนะและความวิบัติในอีกหลายร้อยปีข้างหน้าก่อนที่เรื่องราวเหล่านั้นจะเป็นจริง ขณะที่เรากำลังอยู่ในยุคที่เต็มไปด้วยความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ ห่างไกลจากความเชื่อทางไสยศาสตร์มากขึ้นเรื่อย ๆ

ทว่าชื่อของนอสตราดามุสกลับกลายเป็นชื่อที่ถูกค้นหามากที่สุดในโลกอินเทอร์เน็ตช่วงกันยายนปี ค.ศ. 2001 หลังเกิดเหตุ 9-11 ทั้งที่ชื่อของโอซามา บินลาเดน หรือจอร์จ บุช น่าจะเป็นสิ่งที่ผู้คนค้นหามากกว่า แม้บางคนจะมองว่าคำทำนายอายุหลายร้อยปีนั้นเป็นเรื่องไร้สาระ แต่ยังมีผู้สนับสนุนความคิดของนอสตราดามุส
ที่ถ่ายทอดไว้มากมาย

แม้บทกวี 1004 บรรทัดที่นอสตราดามุสเขียนไว้จะเต็มไปด้วยความลี้ลับและกำกวม แต่คนที่เชื่อในตัวอักษรเหล่านั้นก็เชื่อว่าพวกเขาสามารถไขรหัสลับที่จะทำนายอนาคตได้ซึ่งรวมทั้งเหตุการณ์ 9-11 ด้วย

มาริโอ เรดดิ้ง หนึ่งในผู้สนับสนุนคำทำนายของนอสตราดามุส ก็เชื่อเช่นนั้น รวมทั้งเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งใหญ่ของมหานครลอนดอน ไปจนถึงภัยธรรมชาติอย่างเฮอร์ริเคนแคทริน่า

นอสตราดามุสเกิดในปี ค.ศ. 1503 ในโพรวองซ์ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส ทีแรกเขาไม่ได้มีแววว่าจะเป็นนักประพันธ์ผู้ทำนายอนาคตเลย เขาก็เหมือนกับผู้คนทั่วไป ขณะที่กำลังมุ่งมั่นจะเป็นหมอนั้นเขาก็เปิดร้านขายยาของตัวเองขึ้น ก่อนจะพบรักและแต่งงานกับเจ้าของร้านขายยาอีกแห่งช่วงปลายปี ค.ศ. 1530 แต่แล้วบางอย่างก็เกิดขึ้นกับชีวิตของเขาและทุกอย่างก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป นอสตราดามุสวางแผนออกเดินทางไปยังยุโรป

ระหว่างการเดินทางนอสตราดามุสหันมาให้ความสนใจเกี่ยวกับเรื่องราวชาวยิว และศึกษาด้านโหราศาสตร์ จนเมื่อเขาเดินทางกลับไปยังโพรวองซ์บ้านเกิดอีกครั้งในปี ค.ศ. 1550 เขาก็เริ่มต้นงานเขียนแห่งประวัติศาสตร์ The Prophecies หรือคำทำนายหนังสือที่พลิกหน้าประวัติศาสตร์

ขณะที่ในยุคนั้นมีหมอดูมากมายแต่นอสตราดามุสกลับสร้างความแตกต่าง ไม่เพียงคำทำนายที่เขาเขียนขึ้นแต่ยังรวมไปถึงรูปแบบของภาษาที่แตกต่างด้วย

ระหว่างที่เขากลับมายังโพรวองซ์นั้นเป็นช่วงเดียวกับที่กำลังเกิดสงครามศาสนาระหว่างคาทอลิกและโปรเตสแตนต์ และคนอย่างนอสตราดามุสก็ถูกเรียกว่าเป็นพวกต่อต้านคริสต์ แต่สิ่งที่ทำให้คำทำนายของเขาโด่งดังไปทั่วโลกนั้น เป็นเพราะราชินีอย่าง แคเธอรีน เดอ เมอ ดิซี ได้อ่านบทกวีนั้นและเรียกตัวนอสตราดามุสเข้าไปพบ เพราะกวีบทหนึ่งของเขาเอ่ยถึงการสิ้นพระชนม์ของพระเจ้าเฮนรี่ที่ 2 ของฝรั่งเศสผู้เป็นพระสวามีของพระองค์

นอสตราดามุสกลายเป็นผู้ทำนายอนาคต พระราชินีไม่เพียงปูนบำเหน็จให้เขาได้อยู่อย่างสุขสบายกับชีวิตหลังเกษียณ หลังจากเขาเสียชีวิตชื่อเสียงที่เคยเป็นที่รู้จักในฝรั่งเศสก็แผ่ขยายไปทั่วยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังเหตุการณ์ไฟไหม้ใหญ่ในลอนดอนปี ค.ศ. 1666 คำทำนายของนอสตราดามุสถูกหยิบยกขึ้นมากล่าวขวัญถึงทันที และยิ่งได้รับความสนใจมากขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 20 หลังเกิดสงครามในยุโรป เลยไปจนถึงการทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ในฮิโรชิมาและนางาซากิ

แต่ที่ผ่านมาไม่เคยมีใครได้เตรียมการ รับมือกับสิ่งที่นอสตราดามุสเคยทำนายไว้ เพียงแต่เอาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหล่านั้นมาเปรียบเทียบกับคำทำนายเท่านั้น แต่คนในยุคโลกไร้สาย กลับเชื่อและเฝ้าระวังการเกิดขึ้นของเหตุการณ์ตามคำทำนาย

ปาโก ราบาเน ดีไซเนอร์ชาวฝรั่งเศส ยกเลิกแฟชั่นโชว์ในปารีสของเขา เพื่อให้แน่ใจว่าจะผ่านพ้นค่ำคืนแห่งวันสุดท้ายของโลกอย่างมีสติ

ทว่าวันที่ 24 กรกฎาคม มาถึงและก็ผ่านเลยไปโดยที่โลกใบนี้ก็ยังคงอยู่ หลังจากนั้นวันสิ้นโลกก็ถูกกำหนดขึ้นใหม่ ณ วันที่ 11 สิงหาคม แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกเช่นกัน นั่นหมายความว่าคำทำนายของนอสตราดามุสไม่เป็นผลแล้วอย่างนั้นหรือ

ปีเตอร์ เลอเมซุเรีย กล่าวว่า การแปลคำพยากรณ์ของนอสตราดามุสอาจเป็นสิ่งที่ผิดพลาด เขาคิดว่าตัวอักษรเหล่านั้นเป็นการกล่าวถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นกับยุคโรมันมากกว่า ซึ่งนี่อาจเป็นหนึ่งในความคลุมเครือของข้อความที่ถูกเขียนไว้ และเรื่องของฮิตเลอร์ก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่ถูกพยากรณ์ไว้ แต่จะเชื่อได้อย่างไรเพราะชื่อที่ถูกกล่าวถึงไม่ใช่ฮิตเลอร์ (Hitler) แต่เป็นฮีสเตอร์ (Hister)

มีความเป็นไปได้ว่า ไม่มีใครอยากจะเอ่ยถึงว่ารหัสลับนั้นคือคำว่า ฮีสเตอร์ ไม่ใช่ฮิตเลอร์ เพราะต้องการกลบเกลื่อนข้อบกพร่องเกี่ยวกับคำพยากรณ์ของนาซีนั่นเอง นาซีประกาศว่า แม้พวกเขาจะแพ้สงครามแต่คำพยากรณ์บอกว่าพวกเขาได้รับชัยชนะ ก็คงไม่ต่างจากคำทำนายเรื่องไฟไหม้ใหญ่ในลอนดอน เพราะนอสตราดามุสไม่ได้ชี้ชัดว่ามันจะเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1666 เพียงแต่บอกไว้ว่า 66 เท่านั้น ที่เหลือก็คือการตีความของบรรดาแฟน ๆ

ติดตามเรื่องราวคำพยากรณ์ของนอสตราดามุสได้ในสารคดีชุด Nostradamus : The Truth ออกอากาศวันอาทิตย์ที่ 27 กุมภาพันธ์ เวลา 22.00 น. ทางช่องดิสคัฟเวอรี่ แชนแนล ทรูวิชั่นส์ 20.
ที่มา เดลินิวส์

ไม่มีความคิดเห็น:

คลังบทความของบล็อก